พ็อกเก็ตไวไฟ ซิมการ์ด eSIM โรมมิ่ง ไปญี่ปุ่นควรเลือกอะไรดี?

พ็อกเก็ตไวไฟ ซิมการ์ด eSIM โรมมิ่ง ไปญี่ปุ่นควรเลือกอะไรดี?
กำลังโหลด เข้าชม 38 ครั้ง
พ็อกเก็ตไวไฟ ซิมการ์ด eSIM โรมมิ่ง ไปญี่ปุ่นควรเลือกอะไรดี?

เวลาไปเที่ยวญี่ปุ่น มักมีคำถามยอดฮิต: จะใช้เน็ตยังไงดี? ตัวเลือกยอดนิยมมี 4 แบบคือ Pocket Wi-Fi, SIM Card, eSIM, Roaming ซึ่งแต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันมาก

บทความนี้จะช่วยคุณตัดสินใจอย่างผู้เชี่ยวชาญ! เราจะเปรียบเทียบทุกมุม ความเร็ว, ความสะดวก, ราคา, การรองรับมือถือ, การโทร, การรับ OTP จากเบอร์ไทย และบอกว่า ใครเหมาะกับอะไร หรือใครควรเลี่ยงแบบไหน

 

ทำความเข้าใจการใช้อินเทอร์เน็ตแต่ละแบบ

1. Pocket Wi-Fi (เหมือนพกเราเตอร์ติดตัว)

  • เป็นอุปกรณ์ปล่อยสัญญาณ Wi-Fi ใช้ได้หลายเครื่อง (มือถือ, แท็บเล็ต, โน้ตบุ๊ก)
  • สามารถใช้แบบ เช่าจากร้านมา หรือซื้อ Pocket Wi-Fi และซิมมาใช้เอง
  • ต้องชาร์จแบต (ส่วนใหญ่ใช้ได้ประมาณ 4-10 ชั่วโมงต่อการชาร์จ)
  • เช่ามาต้องคืนเครื่องหลังจบทริป (อาจมีค่ามัดจำ, ถ้าทำหายหรือเสียหายต้องจ่ายเพิ่ม)
  • ต่อเน็ตผ่านเครือข่ายญี่ปุ่น เช่น SoftBank, Docomo, au (ตามแพ็กเกจที่ซื้อ)
  • ความเร็วขึ้นอยู่กับแต่ละแพ็กเกจและการแชร์ (แชร์หลายคน ความเร็วต่อเครื่องจะตก)

เหมาะกับ: ไปเป็นกลุ่ม เพื่อน/ครอบครัว ที่ไปหลายคน แชร์ค่าเช่า, คนที่เน้นใช้หลายๆ อุปกรณ์

ไม่เหมาะกับ: คนขี้ลืม (ลืมพก, ลืมคืน), คนที่เดินทางคนเดียว (เพราะแพงกว่าแบบอื่น)

 

2. SIM Card (ใส่ซิมต่างประเทศแทนซิมไทย)

  • เป็นซิม Physical (ซิมการ์ด) ที่เสียบเข้าไปใส่ในเครื่อง (ถอดซิมไทยออกถ้าไม่ใช้หรือเครื่องใส่ได้แค่ซิมเดียว และระวังอาจจะทำซิมหล่นหาย)
  • ซิมการ์ดส่วนใหญ่ขายเฉพาะเน็ต (Data Only) ไม่สามารถโทรออก หรือใช้เพื่อรับ SMS ได้
  • ความเร็วขึ้นอยู่กับแพ็กเกจ, มีทั้ง Full Speed (ความเร็วเต็ม) และ Unlimited แต่มี Fair Usage (ใช้เน็ตไม่อั้นแต่ช้ามากส่งข้อความแทบไม่ไป เช่น เหลือ 128kbps, 256kbps เรียกง่ายๆว่า Unlimited ปลอม)
  • ใช้ได้กับมือถือทั่วไปที่ไม่ติดสัญญาค่าย ไม่ติดผ่อน หรือที่ปลดล็อกแล้ว (Unlocked) ไม่ล็อกเครือข่าย

เหมาะกับ: คนที่ใช้มือถือเครื่องเดียว, ไม่ต้องการรับสายหรือ OTP, เน้นราคาประหยัด

ไม่เหมาะกับ: คนที่ต้องการรับ SMS/OTP จากเบอร์ไทย, คนที่กลัวถอดซิมแล้วทำซิมไทยหาย

 

3. eSIM (สแกน QR ติดตั้งในเครื่อง)

  • ไม่ต้องถอดซิมไทยออก (ถ้ามือถือรองรับ Dual SIM / eSIM)
  • ใช้ได้เฉพาะมือถือ / แท็บเล็ตบางรุ่นที่รองรับ eSIM เช่น iPhone XR ขึ้นไป, Samsung Galaxy รุ่นเรือธง, Pixel, Huawei รุ่นใหม่บางรุ่น เช็กรุ่นที่รองรับ eSIM
  • ส่วนใหญ่ขายเฉพาะเน็ต (Data Only) ไม่สามารถโทรออก หรือใช้เพื่อรับ SMS ได้
  • เหมือน SIM Card แต่สะดวกกว่า ไม่ต้องรอซิมส่งมา แค่ซื้อออนไลน์ สแกน QR ติดตั้ง ใช้ได้ทันที
  • ความเร็วและข้อจำกัดเหมือน SIM Card (ขึ้นอยู่กับแพ็กเกจ: Full Speed, Unlimited Fair Usage)

เหมาะกับ: คนที่มีมือถือรองรับ eSIM, ไม่อยากถอดซิมไทย, เน้นความสะดวก (ซื้อ-ติดตั้งออนไลน์)

ไม่เหมาะกับ: มือถือที่ไม่รองรับ eSIM, คนที่ต้องการรับสาย/OTP เบอร์ไทยถ้าต้องปิดซิมไทย

 

4. Roaming (ทั้งโรมมิ่งซิมเดิม และเปิดโรมมิ่งเบอร์ใหม่)

  • ใช้เบอร์เดิม หรือเบอร์ใหม่ แต่เป็นของไทย
  • ใช้โทรและรับ SMS / OTP ได้
  • บริการต่างๆ มีค่าใช้จ่ายสูง
  • ใช้เกินแพ็กเกจที่สมัครอาจโรมมิ่งรั่ว
  • แพ็กเกจให้บริการอย่างจำกัด รวมหลายประเทศ ไม่มีแบบเน็ต Unlimited
  • ใช้กับเครือข่ายปลายทางที่ค่ายทำสัญญาไว้เท่านั้น

เหมาะกับ: คนที่ต้องการรับ SMS / OTP, โทรและรับสายผ่านเบอร์ไทย, ต้องการใช้งานได้ชัวร์ๆ

ไม่เหมาะกับ: คนที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย, ควบคุมปริมาณเน็ตที่ใช้ไม่ได้

 

ต้องการโทรหรือใช้เบอร์เดิมรับ OTP มีวิธีที่คุ้มค่ามากขึ้น

เทคนิคประหยัดแบบมือโปร เพื่อความคุ้มค่า ใช้ซิมไทยเพื่อใช้โทร รับ OTP และใช้เน็ตจาก Pocket Wi-Fi ซิมการ์ด หรือ eSIM แนะนำให้ทำแบบนี้:

  • ติดต่อผู้ให้บริการเพื่อเปิด Roaming ซิมไทย
  • แจ้งว่า ต้องการใช้เฉพาะ โทร-รับสาย รับ SMS / OTP ที่ต่างประเทศ ไม่ต้องการใช้เน็ต
  • แล้วใช้งานเน็ตผ่าน Pocket Wi-Fi ซิมการ์ด หรือ eSIM
  • พอกลับไทยก็แจ้งปิดโรมมิ่ง และให้เปิดสัญญาณเน็ตเหมือนเดิม

อ่านวิธีโดยละเอียด

 

ใครไม่เหมาะกับอะไร?

แบบไหน ไม่เหมาะกับใคร
Pocket Wi-Fi คนเดินทางคนเดียว (ราคาเฉลี่ยสูง), คนขี้ลืม (มีค่ามัดจำ/ค่าปรับถ้าลืมคืน), คนที่ไม่อยากพกอุปกรณ์เพิ่ม, ไม่อยากหาที่ชาร์จแบตบ่อยๆ
SIM Card คนที่ต้องการใช้เบอร์ไทย/รับ OTP, คนที่มือถือรองรับซิมเดียว, คนที่กลัวถอดซิมไทยแล้วหาย
eSIM มือถือรุ่นเก่า/ไม่รองรับ eSIM, คนที่ไม่เข้าใจการตั้งค่า Dual SIM หากต้องการใช้เบอร์เดิมด้วย, คนที่ต้องการโทร/รับ OTP
Roaming คนที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย, คนที่ควบคุมปริมาณเน็ตที่ใช้ไม่ได้, กลัวโรมมิ่งรั่ว

 

ราคา

แบบไหน ปริมาณ ราคาโดยประมาณ
Pocket Wi-Fi Unlimited 5 วัน 500 - 900 บาท
SIM Card 3-20GB Unlimited Fup 128kbps 5 วัน 239 - 599 บาท
eSIM Unlimited 5 วัน 499 บาท
Roaming 7-14GB 10 วัน 399 - 599 ไม่รวม Vat

 

คุณภาพสัญญาณอินเทอร์เน็ต

ใช้ Pocket Wi-Fi, ซิมการ์ด, eSIM หรือ โรมมิ่ง แบบไหนเน็ตดีกว่ากัน? ทำไมความเร็วเน็ตถึงไม่เหมือนกัน?

จริงๆ แล้วคำตอบมัน ซับซ้อนกว่าแค่เลือกว่าใช้อะไรดี เพราะความเร็วเน็ตและคุณภาพการใช้งานขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยหลัก:

1. เครือข่ายที่คุณเชื่อมต่ออยู่

ซิมการ์ดและ eSIM ที่คุณซื้อ ไม่ว่าจะซื้อจากไทยหรือร้านออนไลน์ ส่วนใหญ่ ไม่ใช่ซิมท้องถิ่นของประเทศนั้น แต่เป็นซิมโรมมิ่ง (Roaming SIM) จากประเทศอื่น เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ ยุโรป หรือประเทศใกล้เคียง แล้วส่งสัญญาณเข้ามาเชื่อมกับเครือข่ายในประเทศนั้น

ตัวอย่าง:

คุณไปญี่ปุ่น ซื้อซิมจากร้านออนไลน์ ราคาถูก อาจเป็นซิมฮ่องกงที่มาโรมมิ่งในญี่ปุ่น ความเร็วไม่เต็ม, บางครั้งวิ่งช้าเพราะถูกจำกัดความเร็วจากปริมาณที่ใช้เกิน

แต่ถ้าคุณใช้ ซิมหรือ eSIM ท้องถิ่น เช่น eSIM Vacay ที่มีแพ็กเกจ ซิมท้องถิ่น ก็คือใช้ซิมญี่ปุ่นจริงๆ ใช้เครือข่ายญี่ปุ่นโดยตรง ไม่โรมมิ่ง ความเร็วและเสถียรภาพดีกว่ามาก

ดังนั้น: ไม่ควรเข้าใจผิดว่าซิมการ์ด หรือ eSIM สัญญาณไม่ดี ถ้าอยากได้เน็ตแรงจริงๆ เลือกซิมท้องถิ่น

2. สัญญาณในพื้นที่ที่คุณอยู่

ไม่ว่าจะใช้ซิมแบบไหน ถ้าอยู่ในพื้นที่ที่สัญญาณไม่ครอบคลุม หรืออยู่ในหุบเขา, บนภูเขา, ในอาคารปิด เน็ตก็ช้าอยู่ดี  โทรศัพท์แต่ละรุ่นก็รองรับ คลื่นความถี่ (Band) ที่ต่างกัน แต่ประเทศ แต่ละเครือข่าย และแต่ละพื้นที่ก็มี คลื่นความถี่ (Band) ที่รองรับแตกต่างกัน และการตั้ง Band ของเครือข่ายก็คือการตั้งเสาสัญญาณเพื่อเพิ่มความครอบคลุม บางที่จึงมีแค่ 3G ทำให้เชื่อมต่อได้ แต่ช้า ตัวอย่างจากประเทศญี่ปุ่น เช่นเดียวกับประเทศไทยที่บางที่ 4G ก็ยังไม่ครอบคลุม หรือ 5G ก็ยังไม่ครอบคลุม

ตัวอย่างคลื่นความถี่ในญี่ปุ่น:

  • 3G UMTS capabilities Band 6, Band 8, Band 11, Band 4, Band1
  • 4G LTE capabilities Band 5, Band 21, Band 3, Band 1, Band 41
  • อ้างอิงจาก: gsmarena.com

ดังนั้น: ถ้าใช้มือถือที่รองรับคลื่นความถี่ต่างกับเครือข่ายและประเทศนั้นๆ ก็จะเชื่อมเครือข่ายอื่น ที่อาจะทำให้ช้าลงหรือ ไม่เสถียรอยู่ดี

3. อุปกรณ์ที่คุณใช้ (มือถือ/Pocket Wi-Fi)

นี่คือจุดสำคัญที่คนมองข้ามมากที่สุด: มือถือหรือ pocket Wi-Fi ของคุณรองรับคลื่นที่ประเทศนั้นใช้หรือเปล่า?

  • มือถือบางรุ่น หรือบางโมเดล (โดยเฉพาะรุ่นที่ขายในไทย) อาจไม่รองรับ Band บางตัวของญี่ปุ่นหรือยุโรป อุปกรณ์แต่โมเดล เช่น iPhone ก็ผลิตออกหลายโมเดลมาเพื่อใช้ในแต่ละภูมิภาค แต่ละประเทศที่แตกต่างกัน เพื่อความเข้ากันของเครือข่ายในแต่ละประเทศ
  • Pocket Wi-Fi ราคาถูกหรือรุ่นเก่าๆ อาจรองรับคลื่นแค่บางย่าน แถมสัญญาณรับ-ส่งไม่แรงเท่าอุปกรณ์รุ่นใหม่

ดังนั้น: อุปกรณ์ก็เป็นตัวแปรสำคัญที่จะทำให้การรับสัญญาณไม่เสถียร

 

ถ้าอยากเช็กว่ามือถือของคุณรองรับคลื่นประเทศนั้นไหมแนะนำ:

อ่านต่อเรื่อง คุณภาพสัญญาณอย่างละเอียด ทำไมต่างประเทศเน็ตใช้ไม่ดี

 

อันดับเครือข่ายในญี่ปุ่น

การใช้งานในต่างประเทศ ควรคำนึงถึงความครอบคลุม และความเสถียรของเครือข่าย ซึ่งรายงานในเดือน เมษายน 2025 จาก opensignal ได้รายงาน และจัดอันดับตาม ความครอบคลุม (Availability), ความเร็วเฉลี่ย (Download/Upload Speed), ประสบการณ์ใช้งานวิดีโอ, เกม, และแอปเสียง (Video, Games, Voice App Experience) จะเรียงตามนี้:

  1. NTT DoCoMo คะแนนครอบคลุม 9.1 → ครอบคลุมที่สุด, ความเร็วเฉลี่ยดี, สัญญาณเสถียรทั้งในเมืองและนอกเมือง
  2. au (KDDI) คะแนนครอบคลุม 8.2 → ความเร็วสูงมากในเมือง, สัญญาณกลางๆ ในต่างจังหวัด
  3. SoftBank คะแนนครอบคลุม 7.0 → แข่งเรื่องความเร็วในเมืองใหญ่, แต่ครอบคลุมน้อยกว่า DoCoMo
  4. Rakuten Mobile คะแนนครอบคลุม 7.2 → ราคาถูก, เหมาะกับคนญี่ปุ่น, แต่เครือข่ายยังสร้างไม่ครบ (ต้องพึ่งพาโรมมิ่งผ่าน au ในหลายพื้นที่)

ดังนั้น การเลือกเครือข่ายที่ครอบคลุมและมีความเสถียรก็มีชัยไปกว่าครึ่ง ดูพื้นที่ครอบคลุมของแต่และเครือข่ายในพื้นที่ที่เดินทางไป จาก nperf เพื่อใช้งานในการตัดสินใจใช้งาน แต่โดยทั่วไป เครือข่ายในญี่ปุ่นถือว่าดีทุกค่าย

 

บริการอินเทอร์เน็ตต่างประเทศจาก Vacay

ใช้เน็ตในญี่ปุ่น Vacay มีแพ็กเกจให้บริการทั้งโรมมิ่ง และ ซิมท้องถิ่น มีรีวิวการใช้งานซิมญี่ปุ่นจากผู้ใช้งานจริง เชื่อมต่อกับเครือข่าย NTT DoCoMo, KDDI au, SoftBank ได้ ผ่านรูปแบบ eSIM และ ซิมการ์ด ดังนี้

eSIM Vacay

ซิมต่างประเทศรูปแบบใหม่ ไม่ต้องเปลี่ยนซิม ใช้งานในรูปแบบ eSIM ที่เป็นชิปฝังอยู่ในเครื่อง แค่สแกนติดตั้งก็ใช้งานได้ทันที เช็กรุ่นที่รองรับ

Vacay Card (รอเปิดตัวในเร็วๆนี้)

ซิมการ์ดเปล่าๆ ที่สามารถเพิ่มแพ็กเกจของ eSIM Vacay เข้าไปในตัวซิมการ์ดได้หลายๆซิม ใช้ได้หลายๆครั้ง เพื่อใช้งานที่ต่างประเทศ ไม่ต้องพกหลายซิม ไม่ต้องหาซื้อซิมใหม่ เก็บไว้ใช้ได้ตลอดชีพ

สั่งซื้อ eSIM Vacay ญี่ปุ่น

 

สรุป

ไปญี่ปุ่น แนะนำใช้ eSIM เพราะสะดวกกว่า ไม่ต้องพก Pocket Wi-Fi ไม่ต้องหา SIM การ์ด (ที่อาจต้องไปซื้อหน้างาน) และราคาถูกกว่า Roaming แถมติดตั้งง่าย แค่สแกนแล้วเปิดใช้ แต่ถ้าเดินทางเป็นกลุ่มใหญ่ Pocket Wi-Fi ก็ยังคุ้ม ส่วน Roaming เหมาะกับคนที่ต้องการใช้เบอร์เดิม และรับ SMS / OTP จากเบอร์เดิมแม้ราคาสูงกว่า แต่คุณภาพสัญญาณอินเทอร์เน็ตมีหลายปัจจัยที่จะส่งผลต่อการใช้งาน เช่นคลื่นความถี่ในประเทศ ความถี่ที่มือถือรองรับ การเลือกสัญญาณ หรือแม้แต่เครือข่ายต้นทาง บอกไม่ได้ว่าใช้เน็ตแบบไหนถึงดีกว่า ต้องเปรียบเทียบอย่างละเอียด

ติดต่อเรา

บริการลูกค้า

[email protected]
ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

LINE Official

@esim.vacay
ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

WeChat

VacayTh
จันทร์ - ศุกร์ 10:00 น. - 19:00 น.

ติดต่อ Vacay

02 460 9293
จันทร์ - ศุกร์ 08.00 น. -17.00 น.

ติดต่อธุรกิจ

[email protected]
จันทร์ - ศุกร์ 10:00 น. - 19:00 น.
สงวนลิขสิทธิ์ © 2568 บริษัท เวเคย์แทรเวิล จำกัด