การใช้งานอินเทอร์เน็ตในต่างประเทศ โดยเฉพาะกับ eSIM หรือการโรมมิ่งต่างประเทศ บางคนอาจพบปัญหา “ใช้งานอินเทอร์เน็ตไม่ได้” หรือ “เชื่อมต่อเครือข่ายล่าช้า” ทั้งที่เพิ่งเปิดเครื่องหรือเพิ่งเปิดใช้งาน eSIM ใหม่ๆ
หนึ่งในสาเหตุที่หลายคน มองข้าม คือการเปิด “โหมดประหยัดพลังงาน” ซึ่งแม้จะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้จริง แต่ก็ อาจทำให้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทำงานได้ช้าหรือมีปัญหาได้เช่นกัน
ในบทความนี้เราจะมาอธิบายอย่างละเอียดว่าโหมดประหยัดพลังงานส่งผลต่ออินเทอร์เน็ตและการจับสัญญาณเครือข่ายอย่างไร พร้อมคำแนะนำการใช้งานที่เหมาะสม
โหมดประหยัดพลังงานทำงานอย่างไร?
โหมดประหยัดพลังงาน (Low Power Mode หรือ Battery Saver) เป็นฟีเจอร์ที่มีอยู่ทั้งใน iPhone และ Android เดิมทีเป็นฟีเจอร์ที่มีไว้ใช้สำหรับการยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ระหว่างวัน เพื่อให้โทรศัพท์ยังคงใช้งานได้อยู่โดยที่ไม่ปิดเครื่องเร็วไป และยังให้เครื่องทำงานได้ก่อนที่จะชาร์จแบตเข้าไปใหม่ โหมดประหยัดพลังงาน มีหน้าที่หลักคือ:
- ลดความเร็ว CPU ปิดการอัปเดตแอปเบื้องหลัง
- ปิด 5G (บน iPhone)
- ลดความถี่ในการรับ-ส่งอีเมลและข้อมูลอัตโนมัติ
- ปิดเอฟเฟกต์ภาพบางอย่าง (เพื่อประหยัด GPU)
- บางรุ่นอาจจำกัดการสแกน Wi-Fi, GPS หรือ Bluetooth
โหมดประหยัดพลังงาน ลดความเร็ว CPU ลงเท่าไหร่?
อ้างอิงภาพ: http://www.techlicious.com/blog/iphone-low-power-mode-slows-your-phone
ผลทดสอบจาก Geekbench โดยผู้ทดสอบ techlicious พบว่า เมื่อเปิดโหมดประหยัดพลังงาน:
iPhone 14 Pro:
- คะแนน CPU แบบ Single-core ลดลงจาก 2,651 → 1,049
- Multi-core ลดลงจาก 6,843 → 3,516 (ลดลงเกือบ 60%)
Android หลายรุ่น เช่น Samsung Galaxy, Xiaomi, Oppo ฯลฯ
- พบว่ามีการลดความเร็วของ CPU และ GPU ลงเช่นกัน (บางรุ่นลดลง 30–40%)
โหมดประหยัดพลังงานทำให้สมาร์ตโฟนทำงานช้าลงจริง ทั้งการเปิดแอปและประมวลผลเบื้องหลัง ซึ่งการจะใช้งานโหมดประหยัดพลังงานไม่ส่งผลเสียในระยะยาวกับเครื่องใดๆ สามารถเปิดใช้ได้ตลอดทั้งวัน หรือตั้งแต่แบต 100% เพียงแค่จะทำให้ระยะเวลาในการใช้งานระหว่างวันยาวขึ้น แลกกับเครื่องทำงานช้าลงอย่างมากในขณะที่เปิดใช้งานโหมดนี้
แล้วเกี่ยวอะไรกับ "อินเทอร์เน็ตช้า" หรือ "จับสัญญาณไม่ได้" ?
แม้โหมดประหยัดพลังงานจะ ไม่ลดความเร็วของเครือข่ายอินเทอร์เน็ตโดยตรง (เช่น 4G/5G ยังคงเร็วเท่าเดิม)
แต่ CPU ที่ทำงานช้าลงส่งผล ดังนี้:
1. จับเครือข่ายล่าช้า
- เมื่อเปิดเครื่องใหม่หรือใช้ eSIM ต่างประเทศ มือถือจะต้อง “ค้นหาและเชื่อมต่อกับเครือข่าย” ใหม่
- ขั้นตอนนี้ต้องใช้พลัง CPU เพื่อประมวลผลการเลือกเครือข่าย การยืนยันตัวตนกับผู้ให้บริการ ฯลฯ
- หาก CPU ทำงานช้า → ขั้นตอนนี้จะช้าลง หรืออาจล้มเหลว ทำให้เชื่อมต่อไม่สำเร็จ
2. แอปโหลดข้อมูลช้า
- แม้สัญญาณเน็ตดี แต่การที่มือถือประมวลผลช้าทำให้แอปเปิดช้า หรือโหลดหน้าเว็บช้า
- โดยเฉพาะแอปที่ต้องดึงข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ เช่น Line, Google Maps, Safari, Chrome ฯลฯ
3. ฟีเจอร์เครือข่ายบางอย่างถูกปิด
- บางรุ่นจะปิด 5G โดยอัตโนมัติ
- บางเครื่องอาจลดการเชื่อมต่อ Wi-Fi หรือการสลับเครือข่ายให้น้อยลงเพื่อประหยัดพลังงาน
4. การเชื่อมต่อ VPN / โปรไฟล์ eSIM อาจล่าช้า
- โปรไฟล์ eSIM ต้องใช้การประมวลผลและเชื่อมต่อกับระบบ OTA หาก CPU ทำงานช้า อาจเกิดความล่าช้า
กรณีศึกษาจริงจากผู้ใช้
ลูกค้าหลายรายที่เดินทางไปต่างประเทศ พบว่า:
- เมื่อเปิดโหมดประหยัดพลังงาน → เชื่อมต่อเครือข่ายไม่ได้
- เมื่อปิดโหมดประหยัดพลังงาน → มือถือเริ่มจับเครือข่ายและใช้งานเน็ตได้ทันที
แนะนำให้ทำ
หากคุณใช้งาน eSIM หรือโรมมิ่งในต่างประเทศ แล้วพบว่า “เชื่อมต่อเน็ตไม่ได้” หรือ “จับสัญญาณไม่ได้” ให้ทำการปิดโหมดประหยัดพลังงานโดย:
- ปิดโหมดประหยัดพลังงาน ชั่วคราว
- เปิด–ปิดโหมดเครื่องบิน 1 ครั้ง
- ตรวจสอบว่าเปิด Data Roaming แล้ว
- รอ 1–3 นาทีให้เครื่องจับเครือข่ายได้สมบูรณ์
หลังเชื่อมต่อได้แล้ว และใช้งานได้ปกติ คุณสามารถเปิดโหมดประหยัดพลังงานอีกครั้งได้ หากต้องการยืดแบตเตอรี่ และหากพบปัญหาอีก ให้ปิดการใช้โหมดประหยัดพลังงาน โหมดประหยัดพลังงานส่งผลอะไรบ้าง?
สรุป
การเปิดโหมดประหยังพลังงาน ไม่ได้ทำให้เน็ตช้าโดยตรง แต่ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของ CPU ลดลงเพื่อยืดอายุการใช้งานก่อนที่แบตจะหมด ส่งผลให้การเชื่อมต่อช้า จับสัญญาณไม่เสถียร แอปที่ใช้เน็ตโหลดข้อมูลได้ช้ากว่าเดิม เพื่อให้ใช้งานได้ปกติ ควรปิดการใช้โหมดประหยัดพลังงาน