VPN ใช้ในกรณีไหน? รวม 7 สถานการณ์ที่ควรใช้ VPN

VPN ใช้ในกรณีไหน? รวม 7 สถานการณ์ที่ควรใช้ VPN
กำลังโหลด เข้าชม 13 ครั้ง
VPN ใช้ในกรณีไหน? รวม 7 สถานการณ์ที่ควรใช้ VPN

VPN หรือ Virtual Private Network เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเข้ารหัสข้อมูลอินเทอร์เน็ตและซ่อนตัวตนของผู้ใช้ ทำให้การท่องเว็บปลอดภัยและเป็นส่วนตัวมากขึ้น หลายคนอาจคิดว่า VPN ใช้แค่เพื่อดูเนื้อหาจากต่างประเทศหรือหลบการบล็อกเว็บไซต์ แต่ความจริงแล้ว VPN มีบทบาทสำคัญหลายด้าน บทความนี้จะพาคุณมาดูว่า VPN ใช้ในกรณีไหนบ้าง อ่านเพิ่มเติม

 

7 สถานการณ์ที่ควรใช้ VPN

1. ปกป้องข้อมูลบนเครือข่าย Wi-Fi สาธารณะ

หลายคนไม่รู้ว่าการใช้ Wi-Fi ฟรีตามสนามบิน โรงแรม ร้านกาแฟ หรือห้างสรรพสินค้า อาจเสี่ยงต่อการถูกดักจับข้อมูล แฮกเกอร์อาจสอดแนมการรับส่งข้อมูลของคุณ เช่น รหัสผ่าน อีเมล หรือข้อมูลทางการเงิน VPN จะเข้ารหัสการเชื่อมต่อ ทำให้ข้อมูลไม่สามารถถูกอ่านหรือดักจับได้ง่าย อ่าน: อันตรายจากการใช้ Wi-Fi สาธารณะ

 

2. เข้าถึงเนื้อหาที่ถูกจำกัดในภูมิภาค (Bypass Geo-blocking)

บางเว็บไซต์หรือบริการออนไลน์ เช่น Netflix, Disney+, Hulu, BBC iPlayer มีการจำกัดเนื้อหาและการเข้าถึงตามประเทศ การใช้ VPN ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนตำแหน่ง IP Address ไปยังประเทศอื่น ทำให้สามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกบล็อกได้ เช่น ดูหนังหรือรายการทีวีที่เปิดให้เฉพาะบางประเทศ อ่าน: อยู่ต่างประเทศ แต่อยากดูทีวีไทยและช้อปปิ้งออนไลน์ผ่านแอปไทย

 

3. ซ่อน IP Address และปกป้องความเป็นส่วนตัว

เมื่อคุณท่องเว็บ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) และเว็บไซต์ต่าง ๆ สามารถตรวจสอบ IP Address จริงของคุณได้ การใช้ VPN จะซ่อน IP จริง และแสดงเป็น IP ของเซิร์ฟเวอร์ VPN แทน เพิ่มความเป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้น ลดโอกาสในการถูกติดตามหรือบันทึกกิจกรรมบนโลกออนไลน์

แต่... VPN ไม่ได้ซ่อนทุกอย่าง

แม้ VPN จะช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัว แต่ ยังมีข้อมูลบางอย่างที่อาจถูกเปิดเผยได้ เช่น:

  • เว็บไซต์ปลายทางที่คุณเข้าถึงอาจยังคงเก็บ cookies, trackers หรือข้อมูลการล็อกอินที่ผูกกับบัญชีผู้ใช้ ถ้าคุณล็อกอิน Google, Facebook หรือบริการอื่น ๆ ระบบจะรู้ตัวตนคุณอยู่ดี ไม่ว่าจะใช้ VPN หรือไม่ก็ตาม
  • ผู้ให้บริการ VPN เอง (ถ้าไม่ใช่แบบ no-log) อาจเก็บบันทึกการใช้งาน เช่น เวลาเชื่อมต่อและปริมาณข้อมูล หรือแม้กระทั่งเนื้อหาที่ถูกใช้งาน ควรเลือกบริการ VPN ที่น่าเชื่อถือ
  • รัฐบาล หน่วยงานความมั่นคง หรือผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย ยังสามารถตรวจจับว่าคุณใช้ VPN ได้ แม้ไม่เห็นเนื้อหาที่คุณส่ง

 

4. เชื่อมต่อกับเครือข่ายองค์กรอย่างปลอดภัย

หลายบริษัทใช้ VPN เพื่อให้พนักงานที่ทำงานทางไกล (WFH) สามารถเชื่อมต่อเข้าระบบภายใน เช่น ไฟล์งาน หรืออีเมลบริษัท ได้อย่างปลอดภัย ลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตีหรือรั่วไหลของข้อมูลสำคัญของบริษัท

 

5. ลดการถูกจำกัดความเร็วอินเทอร์เน็ต (Bypass Bandwidth Throttling) (ไม่แนะนำ)

มีความเชื่อว่า VPN สามารถช่วยหลบเลี่ยงการถูกจำกัดความเร็ว (throttling) จากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ได้ โดยซ่อนประเภทของการใช้งาน เช่น การดูวิดีโอสตรีมมิ่งหรือเล่นเกมออนไลน์ ทำให้ผู้ให้บริการตรวจจับได้ยากขึ้น อย่างไรก็ตาม การใช้ VPN เพื่อจุดประสงค์นี้ไม่ใช่สิ่งที่ควรแนะนำด้วยเหตุผลดังนี้:

  • ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่แท้จริง ถ้าผู้ให้บริการจำกัดความเร็วตามแพ็กเกจหรือเงื่อนไขการใช้งาน การใช้ VPN อาจช่วยได้เพียงบางช่วงเวลาเท่านั้น และไม่แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ
  • อาจทำให้ความเร็วลดลงกว่าเดิม การเชื่อมต่อผ่าน VPN ทำให้ข้อมูลต้องวิ่งผ่านเซิร์ฟเวอร์กลางอีกชั้นหนึ่ง ส่งผลให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตโดยรวมช้าลง โดยเฉพาะหากเลือกเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ไกล
  • ละเมิดข้อกำหนดผู้ให้บริการ บางผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตมีนโยบายชัดเจนเรื่องการควบคุมแบนด์วิดท์ หากผู้ใช้พยายามเลี่ยงหรือซ่อนการใช้งาน อาจถือว่าผิดเงื่อนไขการใช้บริการและเสี่ยงถูกตัดสัญญาณหรือปิดบัญชี

ดังนั้น หากคุณพบว่าความเร็วอินเทอร์เน็ตถูกจำกัด ควรพิจารณาปรึกษาผู้ให้บริการ หรืออัปเกรดแพ็กเกจให้เหมาะสม แทนการใช้ VPN เพื่อเลี่ยงข้อจำกัดเหล่านี้

 

6. ป้องกันการเซ็นเซอร์และการตรวจสอบจากรัฐบาล (ระวังผิดกฎหมาย)

ในหลายประเทศที่มีการควบคุมการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต เช่น จีน รัสเซีย อิหร่าน หรือเกาหลีเหนือ ผู้ใช้มักพยายามใช้ VPN เพื่อเลี่ยงการเซ็นเซอร์ เข้าถึงเว็บไซต์หรือบริการที่ถูกบล็อก เช่น Google, Facebook, Line, IG, TikTok, Twitter X, GhatGPT หรือสื่อต่างชาติ รวมถึงเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนตัวจากการถูกตรวจสอบโดยหน่วยงานรัฐ

อย่างไรก็ตาม การใช้ VPN ในบางประเทศถือว่าผิดกฎหมาย หรืออย่างน้อยเป็นการละเมิดนโยบายที่ทางการกำหนด ผู้ที่ฝ่าฝืนอาจถูกลงโทษ ทั้งปรับเงิน หรือแม้กระทั่งจำคุก ขึ้นอยู่กับความเข้มงวดของกฎหมายในประเทศนั้น ๆ

หากคุณจำเป็นต้องเดินทางหรือใช้งานอินเทอร์เน็ตในประเทศที่มีการควบคุมเข้มงวด ควรศึกษากฎหมายท้องถิ่นอย่างละเอียด และตัดสินใจอย่างรอบคอบ เพราะ VPN อาจช่วยให้คุณเข้าถึงข้อมูลได้จริง แต่ก็อาจนำความเสี่ยงทางกฎหมายมาด้วย

หากเดินทางไปประเทศที่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงแอป และเนื้อหานอกประเทศนั้นๆ แนะนำ eSIM Vacay บริการซิมต่างประเทศที่สามารถเข้าใช้งานได้ทุกแอปอย่างราบรื่น ไม่ข้อกังวลเรื่องการถูกจำกัด ถูกบล็อก ใช้งานได้ปกติเหมือนตอนอยู่ที่ประเทศไทยโดยที่ไม่ต้องพึ่ง VPN

อ่าน: การใช้ VPN ในจีน ผิดกฎหมายร้ายแรงจริงหรือ?

อ่าน: VPN จำเป็นไหม เมื่อใช้โรมมิ่งเข้าได้ทุกแอป?

 

7. ซื้อสินค้าและบริการในราคาที่แตกต่างกัน

หนึ่งในเหตุผลที่หลายคนใช้ VPN คือเพื่อ เข้าถึงราคาที่แตกต่างกัน บนโลกออนไลน์ เช่น การจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม หรือซื้อบริการ subscription (เช่น Netflix, Spotify, Adobe) เพราะผู้ให้บริการบางรายกำหนดราคาแตกต่างกันตามภูมิภาคหรือประเทศของผู้ใช้ (เรียกว่า geo-based pricing)

ทำไมราคาถึงต่างกัน?

ราคาที่คุณเห็นบนเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน มักขึ้นอยู่กับ:

  • ประเทศหรือภูมิภาคที่ IP Address ของคุณแสดงอยู่
  • ค่าครองชีพเฉลี่ยของประเทศนั้น ๆ
  • โปรโมชั่นหรือส่วนลดเฉพาะพื้นที่
  • ค่าธรรมเนียมทางภาษีและการเงินในแต่ละประเทศ

เมื่อคุณใช้ VPN เปลี่ยน IP ไปเป็นประเทศที่ราคาต่ำกว่า ระบบจะมองว่าคุณเป็นผู้ใช้ในพื้นที่นั้น ทำให้เห็นราคา ที่อาจถูกกว่าหลายสิบเปอร์เซ็นต์

ข้อควรระวัง

แม้ว่าการใช้ VPN เพื่อเปรียบเทียบราคาจะดูเหมือนเป็นการ “หาช่องทางประหยัด” แต่ก็ควรระวัง:

  • เงื่อนไขการใช้งาน บางบริการ (เช่น subscription หรือ software license) อาจจำกัดสิทธิ์ตามภูมิภาค ถ้าคุณสมัครหรือซื้อในราคาประเทศหนึ่ง แต่ใช้งานจริงในอีกประเทศ อาจทำให้บัญชีถูกระงับหรือใช้ฟีเจอร์ได้ไม่เต็มที่
  • ข้อกำหนดด้านการเงิน การใช้บัตรเครดิตหรือวิธีชำระเงินข้ามประเทศ อาจโดนตรวจสอบหรือปฏิเสธ โดยเฉพาะถ้าระบบตรวจพบว่า IP และบัตรเครดิตอยู่คนละประเทศ
  • ละเมิดนโยบาย ผู้ให้บริการบางรายมีกฎชัดเจนว่าไม่อนุญาตให้ใช้ VPN เพื่อเปลี่ยนภูมิภาคเพื่อหาประโยชน์ด้านราคา การฝ่าฝืนอาจทำให้คุณถูกแบนหรือยกเลิกการให้บริการ

 

สรุป

VPN หรือเครือข่ายส่วนตัวเสมือน เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเข้ารหัสข้อมูลและซ่อนตัวตนผู้ใช้ เพิ่มความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวขณะใช้อินเทอร์เน็ต ใช้เพื่อป้องกันข้อมูลรั่วบน Wi-Fi สาธารณะ, เข้าถึงเนื้อหาที่ถูกจำกัด, ซ่อน IP, เชื่อมต่อกับระบบองค์กร หรือเปรียบเทียบราคาสินค้าออนไลน์ อย่างไรก็ตาม ควรใช้อย่างระมัดระวัง เพราะอาจมีผลทางกฎหมาย ความเร็ว และข้อจำกัดจากผู้ให้บริการ

ติดต่อเรา

บริการลูกค้า

[email protected]
ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

LINE Official

@esim.vacay
ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

WeChat

VacayTh
จันทร์ - ศุกร์ 10:00 น. - 19:00 น.

ติดต่อ Vacay

02 460 9293
จันทร์ - ศุกร์ 08.00 น. -17.00 น.

ติดต่อธุรกิจ

[email protected]
จันทร์ - ศุกร์ 10:00 น. - 19:00 น.
สงวนลิขสิทธิ์ © 2568 บริษัท เวเคย์แทรเวิล จำกัด